ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกวงการ การบริหารตลาด ก็เป็นอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างเห็นได้ชัด เจ้าของตลาดนัด คอมมูนิตี้มอลล์ หรือพื้นที่เช่าแบบต่าง ๆ จึงอาจจะเริ่มตั้งคำถามว่า ระบบจัดการตลาดแบบเดิมที่คุ้นเคย เพียงพอหรือไม่?
หากว่าคุณเป็นหนึ่งคนที่เกิดความสงสัยและตั้งคำถามเหล่านี้อยู่ล่ะก็ บทความนี้ Myket Pro จะมา เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการบริหารตลาดแบบดั้งเดิมกับแบบระบบดิจิทัล พร้อมแนวทางที่จะช่วยให้คุณบริหารตลาดได้ง่ายขึ้น มีกำไรมากขึ้น และตอบโจทย์กับธุรกิจยุคดิจิทัล

การบริหารตลาดแบบดั้งเดิม
การทำงานแบบระบบจดบันทึกด้วยมือ ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงผิดพลาดสูง
หลายตลาดนัดยังคงใช้วิธีจดชื่อผู้เช่าด้วยกระดาษ บันทึกค่าวางขาย ค่าจอดรถ หรือค่าน้ำค่าไฟด้วยสมุดบัญชี ซึ่งแม้จะดูง่ายและประหยัดต้นทุนในตอนแรก แต่ก็มี ความเสี่ยงด้านความผิดพลาดสูงมาก เช่น
- ลืมเก็บค่าเช่า
- เก็บเงินผิดแผง
- ควบคุมพื้นที่ไม่ได้
- เอกสารสูญหาย
ที่กล่าวมากนี้ยังไม่รวม ปัญหาของเจ้าของตลาด ที่ต้องทำงานซ้ำ ๆ อีกทั้งยังไม่มีระบบแจ้งเตือน ไม่มีข้อมูลภาพรวมของตลาดอย่างชัดเจน ทำให้เสียทั้งแรงเสียทั้งเวลา
การสื่อสารกับผู้ค้า
ในอดีตการสื่อสารกับผู้ค้ามักใช้การโทรหรือส่งข้อความทีละราย ซึ่งเสียเวลาและเกิดความสับสนได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น
- แจ้งวันเก็บเงิน
- แจ้งย้ายพื้นที่
- แจ้งกิจกรรมตลาด
เพราะเมื่อไม่มีระบบกลาง การบริหารตลาดจึงกลายเป็นงานที่ใช้คนเยอะ ทำให้เสี่ยงเกิดความผิดพลาดและทำให้ใช้เวลาในการทำงานเพิ่มมากขึ้น
ระบบบริหารแบบตลาดดิจิทัล จึงเป็นคำตอบของคนยุคใหม่
ระบบบริหารตลาดดีกว่าแบบเดิมอย่างไร?
การใช้ระบบบริหารตลาดแบบดิจิทัลอย่าง Myket Pro เข้ามาช่วยในการบริหารจะทำให้เจ้าของตลาดสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างเป็นระบบ ที่อยู่ในแอปฯ เดียว ทั้ง..
- การจัดแผงค้า
- การจองพื้นที่ออนไลน์
- การชำระเงินแบบ QR Code
- รายงานรายได้ / ค่าใช้จ่าย แบบเรียลไทม์
- การแจ้งข่าวสารหรือประกาศต่าง ๆ ไปยังผู้ค้า
สิ่งเหล่านี้ช่วยลดการใช้แรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือ ลดความผิดพลาดในการทำงานลงเกือบ 100%
โดยหากตลาดได้นำระบบบริหารตลาดเข้ามาทำงาน จะช่วยลดเวลาในการทำงานลงจากเดิมวันละ 6 ชั่วโมง เหลือเพียงวันละ 1 ชั่วโมง พร้อมกับการจัดการระบบที่มีความแม่นยำ และไม่ตกหล่น
ข้อดีของการทำงานโดย ระบบบริหารตลาด ยุคดิจิทัล
- มีข้อมูลรายวัน – รายเดือน แบบเรียลไทม์
- ตรวจสอบย้อนหลังได้ ทุกการจ่าย
- ช่วยวางแผนในการพัมนาได้อย่างแม่นยำ
- ทำงานได้ไว และลดต้นทุนในการจ้างพนักงาน
- ปรับใช้ได้กับทุกตลาด ตั้งแต่ตลาดชุมชนเล็ก ๆ ไปจนถึงคอมมูนิตี้มอลล์
จัดการตลาดแบบดั้งเดิม vs. บริหารตลาดด้วยระบบ
รายการ | ระบบดั้งเดิม | ระบบดิจิทัล (เช่น Myket Pro) |
การเก็บเงิน | เขียนใบเสร็จมือ อาจผิดพลาด | QR Code / ออนไลน์ ตรวจสอบได้ |
การจัดบูธ | เขียนด้วยมือ ไม่มีภาพรวม | แผนผังดิจิทัล จองบูธง่าย |
การสื่อสาร | โทร / ข้อความแยกทีละราย | แจ้งข่าวสาร หรือประกาศผ่านแอปฯ หรือในระบบได้ทันที |
การรายงาน | ต้องรวมยอดเอง | ออกรายงานอัตโนมัติ |
ความปลอดภัย | เอกสารอาจสูญหาย | เก็บข้อมูบบนคลาวด์ ช่วยเพิ่มปลอดภัย |

จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานั้น จะเห็นถึงข้อดีที่ว่า “ทำไมเจ้าของตลาดควรใช้ระบบออนไลน์?”
นี่คือปัญหาของเจ้าของตลาดที่ระบบออนไลน์ช่วยแก้ได้
ปัญหาหลักที่พบในตลาดแบบดั้งเดิม
- ลืมเก็บเงินหรือเก็บเงินไม่ครบ
- ผู้ค้ามีปัญหากับการจองแผงค้า
- เกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างผู้ค้า
- ไม่มีข้อมูลย้อนหลัง
- ตรวจสอบการทำงานได้ยากหรือล่าช้า
- ขาดภาพรวมในการวางแผนพัฒนา
วิธีแก้ปัญหาด้วย โปรแกรมบริหารตลาด Myket Pro
- มีระบบบันทึกการชำระเงินอัตโนมัติ พร้อมระบบแจ้งเตือน
- สามารถดูผังตลาดและข้อมูลผู้ค้าได้อย่างชัดเจน
- เรียกดูข้อมูลย้อนหลังและตรวจสอบได้ทุกอย่าง
- ผู้ค้าสามารถทำรายการผ่านระบบได้เองอัตโนมัติ
- เจ้าของตลาดดู Dashboard สรุปยอดและวางแผนพัฒนาได้ทุกที่
เรียกได้ว่า การบริหารตลาดแบบดั้งเดิมกับระบบดิจิทัล แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้การบริหารตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยประหยัดเวลา ลดต้นทุน และเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไร
ถ้าหากว่าคุณเป็นเจ้าของตลาดที่ยังใช้ระบบเดิม ๆ อยู่ นี่อาจเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการปรับตัว เปลี่ยนมาใช้ ระบบจัดการตลาดยุคใหม่อย่าง Myket Pro เพื่ออนาคตของตลาดนัดที่เติบโตอย่างยั่งยืน
บริหารตลาดยุคใหม่ด้วย Myket Pro
หากคุณคือเจ้าของตลาดนัด หรือผู้บริหารคอมมูนิตี้มอลล์ที่ต้องการ
- ลดต้นทุนในการจัดการ
- เพิ่มรายได้จากการจัดการที่แม่นยำ
- ทำงานน้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์มากขึ้น
Myket Pro คือ ระบบจัดการตลาด ที่ตอบโจทย์และครบวงจร อีกทั้งเราพัฒนาโดยทีมงานที่เข้าใจปัญหาของเจ้าของตลาดอย่างแท้จริง